วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สาเหตุของการว่างงาน

1.             เกิดจากจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและมีการผลิตนิสิตออกมาเป็นจำนวนมากไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงานและการว่างงานมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากความต้องการของผู้สำเร็จทางการศึกษาและความต้องการของสถานประกอบการเป็นหลัก

2.             การว่างงานเนื่องจาก  ผู้สมัครจะคาดหวังกับค่าตอบแทนที่สูงและงานมีความสะดวกสบายแก่ตนจึงทำให้เกิดการเลือกงาน

3.             สภาวะเศรษฐกิจในสภาพเศรษฐกิจ   ในสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เป็นสาเหตุแกผู้ที่ประกอบการส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานออกเป็นบางส่วนเพื่อให้เกิดความสมดุลในการประกอบอาชีพ
จึงส่งผลทำให้มีคนว่างงานเยอะมาก

18 ความคิดเห็น:

  1. ............................0..............................................1...................2..............3.......................4.

    ตอบลบ
  2. ีัะีะั่ะ่ะั่ะั่

    ตอบลบ
  3. คำตอบ
    1. 110000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000ครับ

      ลบ
    2. สาเหตุของการว่างงาน
      1. เกิดจากจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและมีการผลิตนิสิตออกมาเป็นจำนวนมากไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงานและการว่างงานมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากความต้องการของผู้สำเร็จทางการศึกษาและความต้องการของสถานประกอบการเป็นหลัก

      2. การว่างงานเนื่องจาก ผู้สมัครจะคาดหวังกับค่าตอบแทนที่สูงและงานมีความสะดวกสบายแก่ตนจึงทำให้เกิดการเลือกงาน

      3. สภาวะเศรษฐกิจในสภาพเศรษฐกิจ ในสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เป็นสาเหตุแกผู้ที่ประกอบการส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานออกเป็นบางส่วนเพื่อให้เกิดความสมดุลในการประกอบอาชีพ
      จึงส่งผลทำให้มีคนว่างงานเยอะมาก

      ลบ
    3. ผลกระทบของการว่างงาน

      1.ทำให้เสียสุขภาพจิตเมื่อเกิดการว่างงานขึ้นผู้ที่เคยมีงานทำมักจะคิดฟุ่งซานเเละเกิดปัญหาเครียดตามมาจึงทำให้เสียสุขภาพจิตเเละร่างกาย

      2.ก่อให้เกิดปัญหาครอบครัว ผู้ที่ว่างงานอาจจะเป็นหัวหน้าครอบครัวเเล้วเกิดการว่างงานจึงส่งผลให้รายได้ในครอบครัวที่จะเลียงครอบครัวจึงทำให้เกิดปัญหาครอบครัวขึ้น

      3.ก่อให้เกิดปัญหาความยากจน
      4.ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมบุคครที่ตกงานมักหาเเนวทางเพื่อให้ตนเองมีความอยู่รอดในสังคมได้ บางส่วนก็จะหางานที่สุจริตทำเเตบางส่วนจะจะลกเล็กขโมยน้อยเพื่อให้ตนเองอยู่รอด

      5.เป็นผลเสียต่อการพัฒนาประเทศ
      และในปีพ .ศ. 2553 นั้นมีการลดลงจำนวนของการว่างงานก็น่าจะเกิดผลกระทบน้อยลงในสังคมเพราะจะเห็นได้จากกราฟว่ามีจำนวนตัวเลขคนว่างงานลดลง

      ลบ
    4. https://sirimamadteh.blogspot.com/2014/12/blog-post_29.html?showComment=1580267178108#c8498802867420550407

      ลบ
    5. ปัญหาองค์ความรู้ของแรงงานเจเนอเรชั่นใหม่ในตอนนี้ที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ส่งผลให้มีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยมีผลสำรวจระบุว่าประเทศไทยมีบัณฑิต ป.ตรี ที่ว่างงานจำนวนมากถึงสองแสนคนจากการสำรวจเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนอะไรบ้างในสังคมตลาดแรงงานในไทย

      รายละเอียดที่ผกผันกันของสถิติจำนวนผู้ว่างงานและมีงานทำเปรียบเทียบในระยะเวลา 1 ปีคือ กันยายน 2561 และ กันยายน 2562 พบว่าจำนวนของผู้มีงานทำลดลง 7.4 แสนคน จากข้อมูลการสำรวจผู้มีงานทำในเดือนกันยายน 2561 จำนวน 37.95 ล้านคน เทียบกับจำนวนที่สำรวจในเดือนกันยายน 2562 ที่มีอยู่ 37.21 ล้านคน และสถิติของผู้ว่างงานที่สูงขึ้นกว่า 1.2 หมื่นคน จาก 3.73 แสนคนในปีก่อนมาเป็น 3.85 แสนคนในปีนี้

      กล่าวคือ ความสอดคล้องของกันและกันในภาคเศรษฐกิจและสังคม ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคที่เปิดรับการลงทุนต่างชาติมากขึ้นอีกทั้งการเข้าสู่สังคมสูงวัยเนื่องจากจำนวนประชากรเกิดใหม่ลดลง ถือเป็นการกดดันให้ประเทศไทยสร้างแรงงานยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพและแรงงานยุคเก่าอยู่ได้ด้วยองค์ความรู้เสริมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในอนาคตข้างหน้า นอกจากนี้ยังต้องนับรวมไปถึงเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยและสงครามการค้าอีกด้วย เพราะส่งผลกระทบถึงกัน

      อุปสรรคที่เห็นได้ชัดเจนส่งผลต่อตลาดแรงงานจนเกิดภาวะบัณฑิต ป.ตรี ตกงานกันจำนวนมากถึงสองแสนคนในตอนนี้ บ่งบอกเราว่าองค์ความรู้ของเด็กจบใหม่ยังไม่เป็นที่ต้องการอย่างเหมาะสมขององค์กรที่ตนหมายมั่น ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้องค์กรทุกขนาดต้องปรับตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้

      ความไม่สอดคล้องของการศึกษากับความต้องการของตลาดแรงงาน
      ด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยุคดิจิทัลทำให้เกิดความไม่สอดคล้องกับหลักสูตรระดับอุดมศึกษาที่อาจมอบทักษะไม่ครอบคลุมหรือคุณภาพต่ำลงต่อผู้เรียน อีกทั้งหลายกระบวนการทำงานที่มีผลจาก Digital Disruption ที่การเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ ๆ สามารถใช้เทคโนโลยีแทนที่การทำงานบางอย่างได้โดยไม่ต้องใช้แรงงานมนุษย์ จึงเป็นที่มาของความไม่สอดคล้องดังกล่าว

      คำถามคือ หลักสูตรในภาคการเรียนระดับอุดมศึกษานั้นมีประสิทธิภาพพอหรือปรับตัวบูรณาการองค์ความรู้ได้ดีพอต่อความจำเป็นหรือยัง ซึ่งเห็นได้ชัดอยู่ว่าระบบทั้งสองนั้นไม่ตอบโจทย์ต่อกัน

      เนื่องจากทักษะจากห้องเรียนยังไม่ตอบสนองต่อสายงานที่กำลังขาดแรงงาน จวบจนถึงการแห่เรียนในด้านที่บุคลากรในสายวิชาชีพนั้นล้นตลาดเกินความต้องการขององค์กรหรือเรียนตามค่านิยมตามสมัย แต่สิ่งเหล่านี้จะโทษใครสักคนคงเป็นไปไม่ได้ เพราะย่อมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

      การเสริมความรู้ในด้านทางเลือกหรือแนะแนวแก่นักเรียนก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากต้องแนะสิ่งที่ทุกคนต้องเจอในการใช้ชีวิตในอนาคตเพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เห็นว่าสำคัญในตอนนี้อาจเป็นสิ่งที่ตลาดไม่ต้องการหรือต้องการน้อยลงในภายภาคหน้า ปูแนวทางของความเป็นไปได้ในอนาคตเพื่อการตัดสินใจ

      ที่สำคัญคือทักษะที่ควรสร้างเสริม โดยจะเห็นได้ว่าความสามารถที่โดดเด่นเพียงด้านเดียวอาจไม่พอต่อการทำงานในปัจจุบัน โดยความสำคัญที่จำเป็นมากที่เราต่างรู้และพึงแสวงหาความรู้เพิ่มเติมกันอยู่ก็คือ ภาษา เพื่อเอื้อต่อการทำงานในยุคที่ครอบคลุมกันทั่วโลก และความถนัดทางด้าน IT ก็สำคัญ ซึ่งความรู้พื้นฐานด้านโปรแกรมที่ประยุกต์ใช้ควบคู่กับสังคมดิจิทัลย่อมขาดจากกันไม่ได้ และทักษะของการคิดวิเคราะห์ ซึ่งสามทักษะนี้ล้วนเป็นสิ่งที่องค์กรในปัจจุบันต้องการอย่างมากแต่ขาดแรงงานที่มีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่

      ดังนั้นภาคการศึกษาในทางสถาบันต่าง ๆ ก้าวย่างปรับตัวและบูรณาการตามการเปลี่ยนแปลงตระหนักทราบดีแล้วหรือยัง กับการหยิบยื่นองค์ความรู้และเสริมทักษะได้ตรงตามความต้องการขององค์กรน้อยใหญ่ที่อ้าแขนรองรับแรงงานที่มีคุณสมบัติตรงตามต้องการ

      ลบ
  4. https://www.google.com/search?rlz=1C1NHXL_thTH699TH700&sxsrf=ACYBGNRQG7R2PMbNGF9ond1FzCxtAC0I_g%3A1580267158269&ei=lvYwXp_-D9PBz7sPmZSLmAY&q=%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5&oq=+%E0%B8%99%E0%B8%99&gs_l=psy-ab.1.9.0i67j0l9.7407.17864..22057...4.3..2.108.1534.16j2......0....1..gws-wiz.....10..0i71j35i362i39j0i131j35i39j0i3.CWOnbo9vg0Q

    ตอบลบ